วันนี้ผมจะมาเล่าถึงสัตว์เลี้ยงของผมเอง ... ปลาทอง
เหล่าลูก ๆ ปลาทองของผมเอง วันที่ 30 ธันวาคม 2555 |
เท้าความยาว ๆ ไปถึงสมัยเด็ก ๆ เลย ผมมีตาคนหนึ่งชื่อว่าตาหวล (หวล อินทรไพโรจน์) คงจะไม่พูดถึงแก (หมายถึง ท่าน) ก็คงไม่ได้ ตาหวลไม่ได้เป็นตาแท้ ๆ ของผมหรอก แต่เป็นเพื่อนของตาผมอีกทีหนึ่ง แกก็มีความสนิทชิดเชื้อกับบ้านผมมาก ผมรู้จักแกก็ตอนแม่ให้ไปเรียนพิเศษกับแก สมัยนั้นจำได้ว่า ผมน่าจะอยู่สัก ราว ๆ ประถมต้นนะจำไม่ค่อยได้เหมือนกัน แต่ผมว่าผมเรียนกับแกมาตั้งแต่สมัยอนุบาลแหล่ะ แต่ความทรงจำผมสมัยอนุบาลค่อนข้างจะเลือนลาง
บ้านแกอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้อง ๆ กับบ้านแม่ผมเอง แกมีลูกชายเยอะ ถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะ 5 คน ผู้ชายล้วน ๆ ลูกชายคนสุดท้องนี่แหล่ะ ที่ชอบเลี้ยงสารพัดสัตว์ บ้านแกมีทั้งปลาทอง ปลาหางนกยูง นกยูง ไก่แจ้ ปลาคราฟ ปลาเทวดา แต่ตาหวลชอบเลี้ยงปลาทอง บ้านแกมีพื้นที่มากมาย แต่มันอยู่ลึกเข้าไป ปัจจุบันด้านหลังก็เป็นป่า เพราะไม่มีคนดูแลรักษา แม่เล่าให้ฟังว่าบ้านแกมีเนื้อที่กว้างมาก กินบริเวณป่าด้านหลังไปอีกหลายไร่ แต่ทางเข้าไม่มีนอกจากหน้าบ้านแก .... ก็คงจะมีลักษณะเหมือนขวดปากแคบแต่ไปบานตูด (ตูดกว้าง) สรุปก็คือบ้านนี้ใช้พื้นที่จิ๊ดเดียวด้านหน้า ที่เหลือเป็นป่า ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าผมเป็นเจ้าของที่แปลงนั้นผมจะทำมันอย่างไร ก็คงเหมือนตาหวล กับน้ำเจี้ยบนี่แหล่ะมั้ง ถ้าทำทางเข้าก็คงต้องรื้อบ้านทิ้งเลยทีเดียวเชียว .... ปัจจุบันลูกชายสี่คนแยกย้ายกันไปตั้งครอบครัว เหลือไว้แต่น้าเจี้ยบนี่แหล่ะที่ยังอยู่บ้านนี้ ตาหวลเป็นคนที่อัธยาศัยดี เจ้าบทเจ้ากลอน ชอบอ่านหนังสือ แต่ดันทะเลาะถึงขั้นไม่เผาผีกันเลยทีเดียวกับเพื่อนสนิทก็คือป้าเจ้ (บ้านป้าเจ้ อยู่ถัดเข้าไปที่ดินติดกัน) แม่เล่าว่าไม่รู้ไปเถียงไปขัดคอกันท่าไหนตั้งแต่นั้นมาจากสนิทกันก็ไม่พูดกันอีกเลย ปัจจุบันนี้ทั้งสองคนนี้ก็ล้มหายตายจากไปหมดแล้ว
บางเวลาที่ผมนั่งดูปลาทองก็จะอดนึกถึงแกไม่ได้ เพราะว่าผมค่อนข้างจะสนิทกับแก คือตอนเรียนก็เป็นศิษย์รักแหล่ะ เรียนเก่งกว่าเพื่อน (อิอิ) ก็เลยได้รับอิทธิพลนี้มาจากตาหวล โดยไม่รู้ตัว ผมเลี้ยง ต้องบอกว่าพยายามเลี้ยง ปลาทองมาตั้งแต่เด็ก ไปซื้อมาเลี้ยงแล้วก็ตาย เลี้ยงแล้วก็ตาย เนื่องจากว่า ไม่ค่อยมีใครรู้วิธีที่ถูกต้องนักสมัยนั้น แม้แต่ตาเองก็ด้วย ผมเองก็พยายามเลี้ยงโดยอาศัยต้นแบบจากตานั่นแหล่ะ จนป้าผมบอกว่าปลาตัวที่ถึงฆาตก็คือปลาที่ผมซื้อมาเลี้ยงเหอ ๆ ๆ
ผมก็เลี้ยงตายไปเยอะ สมัยนั้น ปลาที่ตาหวลเลี้ยงแกจะใส่บ่อซีเมนต์ แล้วมีบัวต้นหนึ่ง อันนี้คือเสต็ปของแกเลย (ไม่ใส่อ็อกด้วย แต่ปลาก็รอดมาได้ ... แต่ก็รอดได้ไม่นาน) สมัยก่อนผมชอบดูมากตอนที่ปลาทองในบ่อ เล่นน้ำฝน พอตอนผมอยู่มัธยมผมก็มีตู้ปลาอันหนึ่งแล้วเป็นตู้ปลาขนาดไม่ใหญ่มาก ประมาณ 15 นิ้วมั้ง (ตู้ปลาเขาวัดกันตามแนวนอน) ก็จะวางไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือผม เวลาผมเขียน หรือผมนั่งบนโต๊ะก็จะเห็นปลาทอง มีเอาโคมไฟอ่านหนังสือวางให้แสง ๆ มันแยง ๆ เข้าตู้ด้วย สวยดี ตอนนั้นก็ได้สังเกตว่า ปลาเวลาไม่เปิดอ็อกมันจะลอย แต่ถ้าเปิดมันจะไม่ลอย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ปิดอ้อก ปลาก็รอดมากขึ้น
พอมันรอดมานาน ก็เริ่มอยากจะรู้ว่าปลาทองมันออกลูกอย่างไง ? ไปถามตา ตาก็ไม่รู้ มีแค่คนบอกว่าเอามารวมกัน แล้วพอเช้ามันจะไข่ก็ให้เอาปลาทั้งคู่ออก มีอยู่ครั้งหนึ่งผมเห็นมันไล่ ๆ กันตอนกลางวัน ผมก็เลยไปเตรียมสาหร่ายมา เตรียมกะละมังมา พอค่ำผมก็ย้ายปลาที่ไล่กันมาไว้ในกะละมังมีสาหร่ายด้วย ตอนเช้าก็เห็นเป็นเม็ดสาคู แล้วก็เลยเอาปลาออก จำได้ว่าตอนนั้นอยู่ ม.6 แล้ว แล้วก็รอจนกระทั่งเห็นมันออกเป็นตัวคล้าย ๆ กับลูกปลาหางนกยูง แล้วผมก็ไม่ได้เลี้ยงต่อ เพราะต้องสอบไปเรียนมหาวิทยาลัย ปลาก็ยกให้ตาไป ไม่มีคนดูแล
นั่นคือวิวัฒนาการของผมที่เริ่มเลี้ยงปลา แล้วก็มาหยุดอยู่ตรงที่ปลาทองออกลูก แล้วก็หยุด แล้วก็มาเลี้ยงอีกทีตอนที่สร้างหอใหม่ ๆ ผมเลี้ยงไว้ในอ่างปูนหลังหอ (อ่างนี้ก็ยกมาจากบ้านแม่แหล่ะ) แต่ก็มีคนมาช้อนปลาผมไปอ่ะ ผมก็เลยเลิกเลี้ยง
จนมาเมื่อปีที่แล้วจากการนั่งดูใน office ก็เห็นมุมห้องหนึ่งมันรก ๆ ติดหน้าต่าง มีก็อกด้วย แต่ใช้จุกปิดมันไว้ เพราะในแปลนสร้างหอ office ด้านหน้าก็คือห้องพักห้องหนึ่งแหล่ะ แต่ว่าว่า office มันก็เป็นสองห้องด้านหน้าเลยกั้นห้องน้ำห้องเดียว อีกห้องก็ปล่อยว่าง ๆ เป็นที่วางของ สมบัติ ของผมสารพัด เนื่องจากตามแปลนแล้วห้องนั้นจะเป็นห้องน้ำ เลยมีก็อก ติดหน้าต่างอีก ผมก็คิดว่าถ้าเราเลี้ยงปลา การถ่ายน้ำก็ง่ายนะ คือเราก็ลักน้ำใช้สายยางมาลักน้ำออกไป พื้นด้านข้างก็อยู่ต่ำกว่าพื้น office ค่อนข้างเยอะ น้ำที่ได้จากการเลี้ยงปลาที่จะทิ้งก็สามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น ล้างถังขยะ ปกติเราใช้น้ำดีจากก็อกล้าง ก็เปลี่ยนมาล้างตรงนี้เลย แล้วก็น้ำที่ได้จากการล้างเศษเน่า ๆ ที่ติดอยู่ตามถังขยะก็จะได้ไหลลงดิน น้ำก็จะไปที่ต้นไม้อีกทีหนึ่ง ดังนั้นผมก็เลยกลับมาเลี้ยงปลาทองอีกครั้ง ก็ซื้อตู้ปลามา เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2554 หมดตังค์ไปราว ๆ 7000 กว่าบาท เรียกว่าเลี้ยงปลาตั้งแต่วันแรกเลยที่ได้ตู้มา ไปร้านปลาเลยได้ปลาทองลองยามาสามตัว แต่พวกนี้ก็รอดนะ (ปัจจุบันนี้ วันที่เขียน blog นี้เหลืออยู่ตัวหนึ่งจากในบรรดาสามตัว)
สมาชิกสามตัวเริ่มต้น |
วันที่ 5 ธันวาในปีเดียวกันนั่นแหล่ะ ไปเที่ยวฟาร์มลุงประวิทย์มา ไปกับสาวในหอนี่แหล่ะที่เขาก็เลี้ยงปลาทองเลยชวนไปเป็นเพื่อน
คุณลุงประวิทย์ผู้มีชื่อเสียง :) เขาถูกใจสาวที่ผมเอาไปเป็นเพื่อน สาว(น้องทราย) ก็แสบจริง สุดท้ายลุงให้ปลาทองห้าสี เป็นบรรดาลูกปลา ตัวไม่ใหญ่มากประมาณตัวละ 10 บาทแถวบ้านผม มาสิบกว่าตัว ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก แต่เจ้าน้องทรายตัวแสบไม่มีที่เลี้ยงผมก็เลยต้องรับอุปการะไว้ หลายตัวเหมือนกัน น้องทรายก็เอาไปบ้างส่วนหนึ่ง เพราะเขาเลี้ยงตู้เล็ก ส่วนปลาก็เพี้ยบ
แรก ๆ ผมก็คิดว่าปลาทองห้าสีนะ ไม่สวยเลย ปลาอะไรกระดำกระด่างเต็มไปหมด แต่พอมันโตขึ้นมันก็สวยนะ ปลาที่ได้จากฟาร์มของลุงประวิทย์นี่ ผมยอมรับเลยว่าเป็นปลาที่โตไวมาก เลี้ยงง่าย อึด อดทน ไม่ตายง่าย ผมติดใจมากแต่ครั้นจะไปซื้อก็ไกล แถมเนื้อที่ในตู้ก็ไม่ไหวแล้วแน่นมาก ๆ
(ปล. เสียดายตัวสีขาวมากเลย สวย ไม่น่าเชื่อว่าซื้อมาตอนเล็ก ๆ จะมาสวยตอนหลังจากนั้น) สาเหตุที่ตัวสีขาวตาย (ยังเสียดายมาถึงทุกวันนี้) ก็เพราะตอนนั้นเป็นหน้าฝน แล้วอากาศมันเย็น เนื่องจากตู้ปลาผมติดหน้าต่าง สังเกตบริเวณที่มีเหล็กดัด เป็นบานเกร็ด พอกลางคืนลมมันพัดเข้ามา ประกอบกับผมหักเหน้ำให้หันไปทางนั้นพอดี ผมเชื่อว่าลมเย็นมันเข้ามาสัมผัสกระจกด้านนั้น แล้วน้ำที่หักมาจากกรองมาพ้นใส่ ทำให้อุณหภูมิในตู้หล่นลงไวเกินไป ปลาป่วย แล้วก็ตาย
หลังจากนั้นผมแก้ปัญหานั้นได้ปลาผมก็ไม่ตายอีกเลย ช่วงนั้นปลาตายเกือบสิบตัวได้ ผมก็เห็นอยู่ว่าก่อนเข้านอนมันยังดี ๆ อยู่นี่หว่า ทำไมตื่นมาอีกวันปลาป่วย ซึม
อันนี้เป็นความคิดของผมนะ ผมว่าปลาทองมันจะออกไข่ถ้าในตู้มีไอ้หญ้าหนวดปลาดุก (มั้ง) ในภาพ เพราะอันนี้ผมเลี้ยงมาไม่นาน ปลาทองบางตัวผมออกไข่เลย แต่ว่าในเน็ตบอกว่าไข่ที่ออกมาถ้าปลายังอายุไม่ถึงมันจะไม่มีคุณภาพ ซึ่งก็จริง ๆ ผมลองฟักแล้วก็ไม่เป็นผล !!! เดี๋ยวต้องลองสมมติฐานนี้ด้วยการหาซื้อหญ้าหนวดปลาดุกมาอีกสักที เพราะหลังจากหญ้าโดนตะไคร่น้ำเกาะมันก็ตาย
"เจ้าบึ้ก" ปลาทองห้าสีตัวโตอยู่ทางด้านขวา "เจ้าโทร่า" ปลาทองหัวแดงทางด้านขวาข้าง ๆ เจ้าบึ้ก |
เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา (27 ธันวาคม 2555) ผมตื่นเช้าเพราะว่าจะมาดูระบบที่เขียนโค้ดเพื่อ monitor ไว้ คือโค้ดตัวนี้จะคอยเก็บการทำงานของ user แล้วถ้ามีบั๊ก (ข้อผิดพลาดของโปรแกรม) มันก็จะส่งมารายงานผมโดยที่เนียน ๆ user ไม่รู้ (user จะมองว่าเราทำงานไม่ครบ ในกรณีที่เกิดบั๊ก) ผมก็ตื่นแต่เช้าแหล่ะ เพราะว่าช่วงนี้งานกำลังส่งกำลังเทสต์ อยากจะรู้ว่ามีอะไรผิดพลาดบ้างไหม ก็เปิดเครื่องดู ก็ยังไม่เห็นมี Error Report เข้ามา ก็เลยคิดว่าสงสัยไม่ error มั้ง เหลือบไปเห็นปลาทอง ตัวเมียของผมตัวหนึ่ง (ก็เป็นปลาห้าสีที่ได้จากลุงประวิทย์นั่นแหล่ะ) โดนปลาตัวผู้กำลังไล่ตูดอยู่ ก็เลยเอาวะ งานก็รอคนอื่นเขาเช็ค ก็เพาะปลาอีกสักทีหลังจากที่ลองไปเมื่อต้นปี แล้วก็เว้นเลยไม่ได้ลองเพาะอีกเลย
อุปกรณ์เตรียมเพาะปลาทองของผมเอง |
1. กะละมัง อันนี้ผมมีอยู่แล้วครับ พอปลาป่วยเราจะแยกมันมารักษาในกะละมังนี้ ล่าสุดตัวที่ตายไปก็ห้าสีของลุงประวิทย์อีกนั่นแหล่ะ ตัวนี้ค่ายา 300 บาท ยังตายเลย (เศร้า) คาดว่าอวัยวะภายในของเขาคงมีปัญหาเพราะมันพอง เกล็ดตั้ง หางตกเลือด เป็นอยู่ตัวเดียวทั้งตู้ เคยเป็นอยู่ครั้งหนึ่งแล้วจับอดอาหาร 5 วันก็ปรกติเหมือนเดิม ตอนนั้นคาดว่าให้อาหารปลาดุกกิน เลยไม่ให้อาหารปลาดุกอีกเลย แต่ครั้งหลังนี่คือ อดอาหาร ท้องก็ไม่ยุบ บวมน้ำกดไปนิ่ม ๆ อ่านไปอ่านมาเจอยาชื่อ medic อะไรสักอย่างนี่แหล่ะสั่งซื้อมาเลย สุดท้ายก็ไม่รอดตาย ตัวนี้ผมก็ชอบนะตัวใหญ่ดี เขาชอบจะโชว์ครีบตั้งเวลาเห็นผมเดินมาให้อาหาร หลังจากปลาตัวนั้นตายก็ล้างแล้วก็ผึ่งไว้แล้วก็เอาออกมาใช้
2. เทน้ำใส่กะละมัง เนื่องจากมันเช้าน้ำที่หอเย็นมาก เลยเอาฮีตเตอร์มาใช้ (พวกเลี้ยงปลานี่อุปกรณ์ครบ) ให้น้ำมันอุ่น ๆ สักน้อย
3. วิ่งไปหยิบสาหร่าย (เด็กที่หอบอกสาหร่าหางกระรอก) ความจริงคือสาหร่ายหางม้า หรือพุงชะโด อันนี้ก็ซื้อมาจากร้านปลานานมาแล้ว แต่เลิกใช้เพราะปลาทองผมใส่ไปมันก็รื้อพังหมด ไอ้เราก็อยากให้ตู้สวย ๆ เศษเสี้ยวที่เหลือจากนั้นก็เอาไปโยนไว้ในอ่างบัว อันนี้ก็เกี่ยว ๆ มาได้แค่นี้แหล่ะ (คิดว่าเศษที่เหลือจะเอาไปเพาะใหม่ ทีนี้จะใส่ปุ๋ยเลยเพื่อให้มันงาม ๆ บัวเราก็งามด้วย) ระหว่างนี้เราก็เอาสาหร่ายไปแช่ด่างทับทิม
4. ที่วางไข่ อันนี้ศึกษามาจากในเน็ต เขาบอกว่าเขาทำอันนี้แหล่ะในการผสมพันธุ์ปลาทอง เนื่องจากมันเป็นเวลาหกโมงเช้า แล้วจะหาเชือกฟางที่ไหนดี เหลือบไปเห็นถุงบิ๊กซีสีเขียวอ่อน กับถุงก้อบแก้บสีเหลือง ก็เลยเอามาพับตามแนวยาวหลาย ๆ ทบ แล้วเอาคัทเตอร์กรีด แต่เว้นระยะด้านตูดถุงหน่อยนะ เพราะเราอยากให้ออกมาเป็นพู่ ตัดด้านที่เป็นหูหิ้วออก ไม่อยากให้มันเกะกะ พอเสร็จก็เอายางรัดด้านบนก็เป็นพู่สีเขียวสีเหลืองแล้ว เอาไปแช่น้ำ
5. สาหร่ายที่แช่ด่างทับทิมไว้ก่อนหน้านี้ กว่าจะทำพู่เสร็จก็หมดไปสิบกว่านาทีแล้ว ก็เอาสาหร่ายมาล้าง (คงแช่นานได้ที่แล้วหล่ะ) ล้างน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง กลัวตกค้างมาก
6. ใส่สาหร่าย ใส่อ็อก ใส่กรองกระปุกลงไป
7. แต่นแต้นเสร็จแล้ว ก็ออกมาเป็นหน้าตาดังภาพนั่นแหล่ะ อยู่ใต้ตู้เลี้ยงปลาเลย จับปลาตัวผู้กับปลาตัวเมีย ตัวผู้ตัวไหนไล่ผมจับมาหมด ก็เป็น 3 ต่อ 1 แล้วก็เอาตะแกรงดำ ๆ พาด แล้วหาอะไรมาปิดไว้เปิดให้มีแสงลอดนิด ๆ (ผมใช้โฟมปิด)
แล้วผมก็ไปนอนต่อ ... ตื่นมาอีกทีก็ 11 โมงเช้า เปิดมาดู โอ้มีไข่เกาะตามสาหร่าย ตัวผู้ผมก็นอนนิ่ง ส่วนตัวเมียผมไปนอนหมดแรงในกองพู่นั่นแหล่ะ ก็เลยจับคู่กรณีทั้งหมดกลับเข้าตู้ไปเหมือนเดิม
ไข่ปลาทองที่มาเกาะอยู่สาหร่าย (บริเวณกลางภาพ) เม็ดกลม ๆ สีขาว - อันนี้คือไข่ที่ไม่ได้รับการผสม ไข่เสีย |
ไข่ที่ได้รับการผสมจะใส คือไม่โปร่งใสนะครับ ประมาณว่าใสเหมือนไข่ขาวไข่ไก่ เหลืองนิด ๆ เท่านั้น เสียดายผมเก็บภาพมาไม่ได้ กล้องมันไม่สามารถจับภาพได้นะครับ (กล้องผมเองก็เก่า ๆ Cannon Power Shot S3 - ผมไม่ใช่พวกบ้ากล้องหรอกครับ อันนี้ของน้องสาวเสียด้วยซ้ำ แต่น้องทิ้งแล้วไปซื้ออันใหม่ เพราะถ่ายอีกล้องนี้ทีไร noise กระจายทุกที) เนื่องจากพอมันใส กล้องมันหลุด focus ตลอดเลยอ่ะครับ ผมก็เลยไม่รู้จะถ่ายไง ไอ้ผมเองก็ไม่เก่งด้วยคือรู้แค่กด shutter อย่างเดียวปรับเปริบอะไรไม่เป็น ถ้ามีโอกาสจะหาภาพที่เป็นตัวอยู่ในไข่มาอัพเดทให้ดูหล่ะกันครับ
พอเที่ยงคืนวันศุกร์ผมไปส่อง ๆ ดูไข่ใส่ก็จะเห็นเป็นตัว เป็นคล้าย ๆ เส้นแล้วมีจุดซึ่งเป็นตา ขนาดของจุดเล็กมาก จะพูดว่าไงดีหล่ะเหมือนเศษฝุ่น หรือเหมือนเราเอาเข็มเย็บผ้าไปจุดไว้บนกระดาษ แบบแตะ ๆ เบา ๆ แค่นั้นเอง แต่เราจะมองเห็นได้ ทั้งยังขยับได้อีกนะ ก็ประมาณยังไม่ถึง 36 ชั่วโมงดี ก็จะเห็นแล้วหล่ะครับว่าเป็นตัวหรือไม่เป็นตัว
วินาทีที่เราจ้องดูแล้วเห็นมันขยับเหมือนมันดิ้นในไข่ ผมรู้สึกว่าโอ้ไม่น่าเชื่อ.... มหัศจรรย์จริง ๆ เลย มันมีชีวิตได้ไง มันมีกระดูกสันหลัง ลูกกะตา แล้วขดอยู่ในไข่ซึ่งขนาดมันก็ตามภาพ แล้วมันก็มีชีวิตขยับ ๆ เป็นบางที ต้องจ้องมองมันนาน ๆ ตอนแรกผมเองก็โดนไข่หลายใบหลอกอยู่ พอมองเห็นใบนี้แล้วรู้สึกตื่นเต้นมาก นี่มันมีชีวิตนี่
หลังจากพยายามปรับกล้องมั่ว ๆ ก็ได้ภาพนี้ออกมาครับ |
ลูกปลาทองที่ฟักออกมาจากไข่ มันเหมือนจะหลุดออกมาจากไข่นะครับ เราจะยังเห็นเปลือกไข่ใส่ ๆ ติดอยู่ที่สาหร่าย ตัวมันเองออกมาก็จะมีปุ่ม ๆ ที่ท้อง ในเน็ตบอกว่ามันคือถุงไข่แดงครับ มันจะว่ายน้ำไม่เป็นนะครับ เหมือนมันจะนอนนิ่ง ๆ อาจจะมีขยับบ้างแต่ดูก็รู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็นชัวร์ คือมันไปไม่เป็นทิศเป็นทางครับ อันนี้คือประมาณวันเสาร์ครับ ก็คือประมาณ 48 ชั่วโมง
วันอาทิตย์ครับ ลูกปลาหลาย ๆ ตัวเริ่มจะว่ายน้ำเป็นกันแล้ว |
วันอาทิตย์ครับ ลูกปลาหลาย ๆ ตัวก็จะเริ่มว่ายน้ำกันเป็น ก็จะเริ่มลอย เริ่มว่ายไปข้างหน้าเป็น อาจจะมีความไม่คล่องอยู่มากครับ แต่นี่แหล่ะครับคือ ลูกปลาทอง ไม่ได้เอาลูกปลาหางนกยูงมาปล่อยนะครับ หน้าตาน่ารักไหมครับ
เอาไว้ถ้าผมผสมเล่นอีกจะพยายามหาทางเอาภาพไข่ที่มีตัวอยู่ข้างในมาฝากหล่ะกันครับ ผมได้ลูกปลาออกมานับคร่าว ๆ ประมาณ 20 ตัว แต่อาจจะมากกว่านี้เพราะอยู่ในพู่อีก ลูกปลาใช้เวลาฟักตัวไม่เท่ากันนะครับ คือมันจะทยอย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้นมา อันนี้คือตั้งแต่ 6 โมงเช้าวันพฤหัส จนถึงบ่าย ๆ วันอาทิตย์ครับ ผมก็จะได้ลูกปลาทองที่ว่ายน้ำพอจะได้ลอย อยู่บริเวณผิวน้ำหล่ะครับ
สุดท้ายผมก็คิดถึงตาหวล แม้ว่าตาจะจากไปหลายปีแล้ว แต่ผมก็ยังคิดถึงตาทุกครั้ง ความฝันที่จะมีฟาร์มปลาทองก็มีอิทธิพลมาจากตานี่แหล่ะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น